หน้าร้อนมาแล้ว อากาศร้อนๆแบบนี้ เห็นทีจะต้องหนีร้อนไปพึ่งเย็น ไปอยู่ที่เย็นๆ ดื่มอะไรเย็นๆ และทานอะไรเย็นๆ เพราะตามตำราเเพทย์แผนไทยกล่าวว่า ความร้อนจะสภาพอากาศภายนอกนั้นส่งผลต่อธาตุไฟภายในร่างกายได้ ทำให้เกิดอาการตัวร้อน วิงเวียน อ่อนเพลีย คอแห้ง กระหายน้ำ ท้องผูก ปัสสาวะน้อย จึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงอาหารประเภท ของทอด ของมัน และควรทานอาหารประเภทผักผลไม้ให้มากขึ้น เนื่องจากสารอาหารและวิตามินต่างๆในผักและผลไม้ช่วยให้ร่างกายสดชื่น
อีกหนึ่งผลไม้ที่เป็น Icon ประจำหน้าร้อนแบบนี้คงหนีไม่พ้น แตงโม เป็นแน่ แตงโม ผลไม้ลูกโต สีแดงสด รสหวานฉ่ำ ยิ่งเป็นแตงโมแช่เย็นแล้วละก็ ถือเป็นสวรรค์เย็นใจของใครต่อใครในช่วงอากาศร้อนๆได้เลย ไม่เพียงแตงโมจะช่วยดับกระหายคลายร้อนแล้ว แตงโมลูกโตนั้นยังอุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหารมากมาย
รู้จักแตงโมกันหน่อย
แตงโม เป็นผลไม้ที่เป็นญาติๆ กับ แคนตาลูป บวบ และ ฟัก โดยเนื้อในเมื่อสุกจัดจะมีอยู่ 2 สีหลักๆ คือสีแดง และสีเหลือง เนื้อฉ่ำน้ำ มีเมล็ดมีจำนวนมาก รสชาติจะหวานมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับอายุการเก็บเกี่ยวและสายพันธ์ุ
คุณค่าทางอาหารของแตงโม
แตงโมสีแดง (100 กรัม) | |
พลังงาน | 30 kcal |
น้ำ | 91.45 g. |
น้ำตาล | 6.20 g. (1 ช้อนชาครึ่ง) |
คาร์โบไฮเดรต | 7.55 g. |
โปรตีน | 0.61 g. |
ใยอาหาร | 0.4 g. |
เบต้าแคโรทีน | 483 mcg. |
วิตามินซี | 8.1 mg. |
โปแตสเซี่ยม | 112 mg. |
สรรพคุณทางยาของแตงโม
แตงโมไม่ใช่ว่าจะทานอร่อยอย่างเดียวเท่านั้น ในตำราแพทย์แผนไทย แตงโมงยังมีสรพพคุณทางยา ใช้ได้ตั้งแต่ราก ถึงผลเลยทีเดียว โดยรากของต้นแตงโมใช้แก้โรคบิด ท้องร่วง แก้ร้อนในกระหายน้ำ เปลือกสีเขียวของแตงโมที่จริงๆแล้วทานได้ ช่วยคลายอาการปวดฟัน ขับปัสสาวะ บำรุงกำลัง แก้อ่อนเพลีย ส่วนของเมล็ดของแตงโมใช้ช่วยในการขับพยาธิได้
เนื้อแตงโมอุดมประโยชน์
เนื้อในสีแดงของแตงโมมีสารพฤกษเคมีสีแดงชื่อว่า “ไลโคปีน” (Lycopene) ชนิดเดียวกันที่พบอยู่ในผักที่มีสีแดงอย่างมะเขือเทศ ซึ่งไลโคปินนี้มีส่วนช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง และโรคหัวใจ ลดระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด แถมในแตงโมงยังมีสารอาหารดีๆอย่าง “เบตาแคโรทีน” (Beta-Carotene) ที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ช่วยลดอาการติดเชื้อ อักเสบในระบบทางเดินอาหาร ช่วยบำรุงสายตา นอกจากนี้น้ำฉ่ำๆในแตงโมยังช่วยขับปัสสาวะ ช่วยบำรุงผิวพรรณและเส้นผมให้แข็งแรงเงางามอีกด้วย
แตงโมกับการลดน้ำหนัก
สำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนัก แตงโมถือเป็นผลไม้ชนิดนึงที่สามารถทานได้ เพราะแตงโมมีโพแทสเซียม แคลเซียม ฟอสฟอรัส ที่ช่วยฟื้นฟูร่างกาย มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่ำจึงทำให้มีพลังงานน้อย ไม่มีไขมัน และมีกากใยสูง มีปริมาณน้ำมากทำให้ทานแล้วอิ่มเร็ว แถมช่วยขับปัสสาวะช่วยลดอาหารบวมน้ำได้
นอกจากนี้ในน้ำแตงโมสดที่ไม่ผ่านความร้อน จะมีกรดอมิโนตัวนึงที่ชื่อว่า citrulline เจ้ากรดอะมิโนตัวนี้สามารถใช้เป็นสารตั้งต้นในการสร้างอาร์จีนิน (arginine) กรดอะมิโนอีกตัวที่จำเป็นสำหรับร่างกาย ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและหลั่งโกรทฮอร์โมน (growth hormone) ที่เป็นตัวช่วยกระตุ้นการสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อส่วนต่างๆ ช่วยกระตุ้นการสร้างโปรตีนในกล้ามเนื้อ จึงช่วยลดอาการปวดเมื่อยจากการออกกำลังกายได้
แตงโมกินได้แต่ก็ต้องระวัง
พออ่านครบเห็นประโยชน์มามากมายขนาดนี้ หลายคนคงคิดจะทานแตงโมเป็นอาหารหลักมันซะเลย แต่ขอแนะนำเพิ่มเติมอีกหน่อยว่า ถึงแตงโมจะให้พลังงงานไม่ได้สูงมากนัก แต่ปริมาณน้ำตาลที่อยู่ในแตงโมก็ไม่น้อย ถ้าทานในปริมาณมากๆ แตงโม 100 กรัม จะมีน้ำตาลราวๆ 6 กรัม ซึ่งเทียบเท่ากับ น้ำตาลทราย 1 ช้อนชาครึ่ง ถ้าทานปริมาณมากจนเกินไป แล้วไม่ออกกำลังกายก็อาจทำให้อ้วนได้เช่นกัน นอกจากนี้การทานแตงโมมากๆ อาจทำให้เกิดอาการอาหารไม่ย่อยหรือท้องเสียได้ เนื่องจากน้ำในแตงโมจะเข้าไปละลายน้ำย่อยในประเพาะอาหารให้เจือจางลง
นอกจากนี้ผู้ป่วยโรคไตที่ต้องจำกัดปริมาณการทานน้ำ ควรหลีกเลี่ยงการทานแตงโม เนื่องจากจะทำให้ไตที่มีปัญหาอยู่ต้องทำงานหนัก ทราบแล้วอย่างนี้ก็ไปหาแตงมามาเย็นๆมาดับกระหายคลายร้อนกันดีกว่า แต่อย่าลืมควบคุมปริมาณการทานกันให้เหมาะสมด้วย
เรียบเรียง: lovefitt.com
Credit: usda.gov, กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข, prayod.com, สุขภาพไทย.com, health.kapook.com, pharmacy.mahidol.ac.th, th.wikipedia.org, uniserv.buu.ac.th.