อากาศแปรปรวนช่วงเปลี่ยนฤดูกาลแบบนี้ บางวันฝนตก บางวันร้อนตับแลบ ช่วงเช้าๆ ก็มีลมเย็นๆ มาปะทะตัว อากาศแบบนี้ทำให้เกิดอาการป่วย เป็นไข้ ไม่สบายได้ง่ายๆ ยิ่งเมื่อฝนตกอากาศเย็นๆ หลายๆคนคงคิดถึงเมนูช่วยให้อุ่น อย่าง “บัวลอยน้ำขิง” เป็นแน่ ซึ่งเมนูนี้เด่นที่การนำเอาธัญพืชอุดมประโยชน์อย่าง งาดำคั่วบด มาผสมผสานกับสมุนไพรอย่างขิงแก่ ที่มีสรรพคุณช่วย ขับลม แก้ท้องอืด ช่วยลดน้ำตาลในเลือด และให้ความอบอุ่น
ถึงเมนูบัวลอยน้ำขิง จะไม่ใช่เมนูเพื่อการลดน้ำหนัก แต่ก็ถือว่าเป็นขนมของว่างเพื่อสุขภาพ ที่ให้คุณค่าทางอาหารและมีสรรพคุณทางยา เวลาทานจึงต้องพยายามจำกัดปริมาณในการทานให้ดี และบริหารพลังงานจากอาหารในมื้ออื่นๆให้เหมาะสม หรืออาจลดความหวานลง หรือใครจะไม่เติมน้ำตาลในน้ำขิงเลยก็ได้
เพื่อให้บัวลอยน้ำขิงสูตรนี้ เป็นของว่างที่ดีต่อสุขภาพ จึงเปลี่ยนมาใช้ความหวานจากน้ำตาลธรรมชาติที่ให้ค่า GI ไม่สูงมากนัก อย่าง น้ำตาลโตนด และ น้ำตาลทรายแดงชนิดไม่ผ่านกระบวนการ ลดปริมาณน้ำตาลจากสูตรปรกติลงครึ่งนึง ใครที่ชอบกลิ่นหอมๆ รสชาติเผ็ดร้อนของน้ำขิง ลองนำไปทำกันดูได้เลย
วีดีโอวิธีทำบัวลอยน้ำขิง
ส่วนผสมและเครื่องปรุงของไส้งาดำสำหรับทำบัวลอยน้ำขิง
- น้ำตาลโตนด 1 ช้อนโต๊ะ พลังงาน 50 kcal
- งาดำคั่ว บดละเอียด 50 กรัม พลังงาน 278 kcal
- เกลือเล็กน้อย
- น้ำเล็กน้อย(เติมกรณีแห้งเกินไป)
วิธีการทำไส้งาดำ
ปรกติแล้วการทำไส้งาดำ จะใช้วิธีกวนในกระทะทองเหลือง เพื่อให้น้ำตาลละลายและงาดำคลายน้ำมันออกมา จนสามารถปั้นได้ แต่วันนี้จะใช้สูตรแบบเร่งด่วน โดยนำน้ำตาลมาคลุกกับงาดำ ผสมให้เข้ากัน นำเข้าไมโครเวฟ 1 นาที ให้น้ำตาลละลาย นำมาคนและคลุกเคล้าให้เข้ากัน ถ้าแห้งไปให้เติมน้ำลงไปได้เล็กน้อย แล้วนำเข้าไมโครเวฟอีก ครึ่ง นาที ดูให้ไส้จับตัวกันเป็นใช้ได้ พักไว้ แล้วไปจัดเตรียมผสมแป้งกัน
ส่วนผสมและเครื่องปรุงของตัวแป้งบัวลอย
- แป้งข้าวเหนียว 70 กรัม พลังงาน 468 kcal
- แป้งข้าวเจ้า 20 กรัม พลังงาน 73 kcal
- น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
วิธีการทำแป้งบัวลอย
ผสมแป้งทั้งสองอย่างเข้าด้วยกันในชามผสม ค่อยๆเติมน้ำทีละน้อยลงตรงกลางกองแป้ง คนผสมในลักษณะแบบน้ำเซาะตลิ่ง จากนั้นใช้มือนวดให้แป้งเป็นก้อน ถ้าแป้งแห้งไปให้เติมน้ำได้แต่เติมทีละน้อยนะคะ ถ้าพลาดแฉะไปให้เพิ่มแป้งได้ค่ะ เมื่อนวดแป้งจนได้ที่ แป้งจะร่อนออกจากชามผสม และไม่ติดมือ เมื่อแป้งเรียบร้อนก็ไปปั้น ห่อ และหุ้มไส้งาดำกัน
วิธีการก็ไม่ยาก เตรียมภาชนะอีกใบ โรยแป้งนวล จะใช้แป้งข้าวเจ้า หรือข้าวเหนียวก็ได้ ทาแป้งนวลที่มือ แป้งจะได้ไม้ติดมือ (ตามวีดีโอทาแป้งนวลที่มือน้อยไป แป้งเลยติดมือปั้นยากมาก) จากนั้นหยิบแป้งขึ้นมาขนาดประมาณผลมะนาวเล็กๆ แผ่แป้งออกบางๆ ตักไส้งาที่เตรียมไว้ วางลงบนแผ่นแป้ง แล้วหุ้มให้มิด อย่าให้เห็นไส้งา เพราะถ้าห่อไม่ดี เวลาต้ม จะทำให้ไส้งาแตกออกมาได้ เมื่อได้บัวลอยแล้วก็พักไว้ แล้วไปเตรียมส่วนของน้ำขิงกัน
ส่วนผสมและเครื่องปรุงของน้ำขิง
- น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง
- น้ำตาลทรายแดงชนิดไม่ผ่านกระบวนการ 2 ช้อนโต๊ะ พลังงาน 44 kcal
- Option สำหรับคนชอบหวานแต่ไม่ชอบพลังงาน เติมน้ำตาลหญ้าหวานลงไป 1/4 ช้อนชา พลังงาน 0 kcal
- ขิงแก่ 30 กรัม
วิธีการทำน้ำขิงสำหรับใส่ในบัวลอย
นำส่วนผสมของนำ้และน้ำตาลทรายแดงใส่ลงในหม้อ เติมหญ้าหวาน จากนั้นหั่นขิงแก่ออกเป็นแว่นๆใส่ลงไป สำหรับคนที่ชอบรสชาติจัดจ้าน เผ็ดร้อน ให้บุขิงให้แตกก่อนเพื่อให้ขิงออกรสและกลิ่นมากขึ้น นำหม้อขึ้นตั้งไฟ รอให้เดือด ช้อนฟองทิ้งแล้วปิดไฟ
วิธีการต้มบัวลอย
ตั้งน้ำให้ระดับน้ำสูงกว่าขนาดของลูกบัวลอย รอให้น้ำเดือด จากนั้นเตรียมถ้วยอีกใบใส่น้ำอุณภูมิห้องเอาไว้ แล้วค่อยๆหย่อนบัวลอยที่ใส่ไส้แล้วลงต้ม วิธีสังเกตุว่าแป้งสุกหรือไม่ ให้สังเกตุที่ตัวบัวลอย เมื่อสุกตัวบัวลอยจะลอยขึ้น จากนั้นตักขึ้นใส่ไว้ในชามน้ำที่เตรียมไว้ แล้วเตรียมเสิร์ฟได้เลย
เสิร์ฟร้อนช่วยอุ่น กับบัวลอย้ำขิงแบบโฮมเมด
เมื่อได้ทุกส่วนพร้อมแล้ว ให้ตักบัวลอยที่ต้มแล้วสะเด็ดน้ำ ใส่ลงในถ้วย เติมแปะก๊วยต้มสุกลงไปซัก 10 กรัม เติมด้วยน้ำขิงร้อนๆ เมนูบัวลอยน้ำขิงที่อัดแน่นคุณค่าก็เป็นอันเรียบร้อย ปริมาณตามสูตรจะได้บัวลอยน้ำขิงประมาณ 3 ถ้วย ถ้วยละ 4 ลูก โดยจะ ให้พลังงาน ต่อถ้วยอยู่ที่ 304 kcal บวกกับแปะก๊วยต้มสุก อีก 18 kcal ก็จะให้พลังงานต่อถ้วยอยู่ที่ 322 kcal พลังงานไม่น้อยนะคะ ยังไงก็บริหารจัดการปริมาณอาหารในมื้ออื่นๆด้วยนะคะ