ประวัติความเป็นมาของเจ้า โอนิกิริ
ในศตวรรษที่ 11 ผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ Murasaki Shikibu ได้บันทึกลงในไดอารี่ของเธอ (Murasaki Shikibu Nikki) เกี่ยวกับผู้คนที่ได้รับประทานลูกบอลข้าว สมัยนั้นโอนิกิริถูกเรียกว่า Tonjiki และ มักจะถูกบริโภคเป็นอาหารกลางวันหรือไม่ก็นำไปปิคนิค ช่วงสมัยศตวรรษที่ 17 เหล่าซามูไรได้นำเจ้าลูกบอลข้าวห่อใบไผ่ไปเป็นเสบียงในช่วงสงคราม แต่ความจริงแล้วประวัติความเป็นมาของโอนิกิรินั้น มีมานานกว่ายุคที่ผู้หญิงคนนี้จดบันทึกเสียอีก แต่ช่วงที่โอนิกิริเริ่มเป็นที่รู้จักกันมากก็คงจะเป็นช่วงยุคนี้แหล่ะค่ะ เมื่อก่อนตอนที่จะกิน ก็จะต้องใช้ช้อนตัดแบ่งกัน แต่พอมาถึงยุคนาระ (Nara) ก็ได้มีการตัดเป็นคำเล็กๆ เพื่อความสะดวกในการรับประทานด้วยค่ะ
ตั้งแต่ สมัยคามาคุระ (Kamakura) จนถึงต้นเอโดะ (Edo) โอนิกิริเป็นอาหารที่เรียกว่า quick meal เพราะมีวิธีการทำที่ง่ายและสะดวก เหล่าพ่อครัวแม่ครัว จึงแค่ผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า โดยไม่ต้องใส่ใจเรื่องการบริการมากนัก ตอนนั้นโอนิกิริเป็นข้าวปั้นธรรมดาที่มีรสเกลือและสาหร่าย จึงไม่แพร่หลายกว้างขวางนัก พอในยุคเกนโรคุ (กลางยุคเอโดะ) จึงมีการทำฟาร์มสาหร่ายเพื่อรองรับปริมาณความต้องการของโอนิกิริที่จะทำขาย ในวงกว้างขึ้น
มีความเชื่อว่าโอนิกิรินั้นไม่สามารถผลิตได้ด้วย เครื่องจักร ถือเป็นเรื่องยากเกินไปในตอนนั้น แต่พอช่วงปี 1980 ก็มีเครื่องมือที่ทำให้โอนิกิริเป็นรูปสามเหลี่ยมถูกสร้างขึ้น ตั้งแต่มีเจ้าเครื่องนี้โอนิกิริก็จะถูกเสิร์ฟพร้อมกับสาหร่ายเลย แต่พอทิ้งไว้สักพักสาหร่ายก็จะเริ่มชื้นและเหนียว ติดหนึบกับตัวข้าว จึงมีการปรับปรุงบรรจุภัณฑ์โดยแยกสาหร่ายออกจากข้าว พอจะทานค่อยห่อสาหร่ายเข้ากับข้าวปั้น ปัจจุบันคนนิยมทำข้าวปั้น เป็นข้าวห่อกันจากที่บ้าน หรือถ้าอยากจะสะดวกสบายหน่อย ก็สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้า ทั่วไปที่ขายโอนิกิริค่ะ (Credit: marumura.com)
มาถึงตรงนี้ด้วยความที่ชอบทานมากก็เลยจัดการดัดแปลงซะโดยใช้ข้าวกล้องบ้านเรานี่หล่ะค่ะ วันนี้ผึ้งทำมาเป็นอาหารเช้ามาทานที่ทำงานอยู่ท้องได้ประโยชน์ดีค่ะ
ส่วนผสมและอุปกรณ์
- ข้าวกล้อง (ลองอ่านประโยชน์ของข้าวกล้อง) หุงให้น้ำมากกว่าปรกตินิดนึง 1 ก้อนใช้ 1 ทัพพี ให้พลังงาน 80 kcal
- ปลาซาบะย่างกับเกลือขูดเอาแต่เนื้อเอาก้างกับหนังออก 1 ก้อนใช้ 1 ช้อนโต๊ะประมาณ 15 กรัม ให้พลังงาน 18 kcal
- เกลือเล็กน้อยชิมเอานะคะให้เค็มอ่อนๆ เพราะปลาเราก็จะออกรสเค็มอยู่แล้วด้วย
- สาหร่ายโรยข้าว ต่อก้อนใช้ 1 ช้อนโต๊ะ ใหเพลังงาน 20 kcal ใครจะใช้สาหร่ายแผ่นๆมาตัดก็ได้ค่ะ
- อ่างน้ำใส่น้ำ เพื่อจุมให้มือเปียกข้างจะได้ไม่ติด
- ถ้วยใบใหญ่สำหรับผสมข้าว และทัพพีตักข้าว
วิธีการทำโอนิกิริ
เมื่อข้าวสุกรอให้เย็นตัวลงซักหน่อยพอที่จะจับได้ไม่ร้อนนัก ตักข้าวใส่ถ้วยผสมนำทัพพีเกลี่ยข้าวให้แผ่ออกเพื่อระบายความร้อน เติมเกลือแล้วคลุกเคล้า ค่อยๆเติมทีละน้อยนะคะ แล้วตะล่อมๆไป เมื่อชิมรสได้ที่ก็ นำมือจุมในน้ำพอเปียก นำข้าวขึ้นมาประมาณกำมือนึงปั้นให้เป็นก้อนแน่น ใช้นิ้วโป้งกดตรงกลางให้เป็นหลุม ตักใส้ปลาซาบะที่เราขูดไว้ใส่ลงไปแแล้วนำข้าวหยิบมือนึงปิดให้เต็มแล้วปั้นอัดข้าวให้แน่นเป็นรูป 3 เหลี่ยม นำสาหร่ายโรยข้าวตักใส่จานแบนๆแล้วนำข้าวที่ปั้นแล้วคลุกกับสาหร่าย ใส่กล่อง Bento น้อยๆเตรียมไปทานได้แล้วค่ะ สำหรับคนที่ใช้สาหร่ายแผ่นแนะนำให้แยกสาหร่ายใส่ถุงไว้ต่างหากนะคะ เวลาจะทานค่อยนำมาห่อ สาหร่ายจะได้ไม่นิ่มไปเสียก่อนค่ะ
โอนิกิริทำเองก้อนนี้ 1 ก้อนขนาด 90 กรัม ให้พลังงาน 118 kcal ใครทานเป็นมื้อเที่ยงก็จัดเลย 2 ก้อนยังไหว แล้วอย่าลืมหาผลไม้ทานด้วยนะคะ จะได้ครบสูตรสุขภาพดี