ข้าวหน้าแกงกะหรี่รสชาติเผ็ดนิดๆ ที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศทางอินเดีย และได้มีการพัฒนาสูตรไปตามวัฒนธรรมของประเทศต่างๆ ของญี่ปุ่ญก็เช่นกัน ได้มีการดัดแปลงให้มีรสชาติอ่อนลง ไม่ฉุนนัก และมี Topping ให้เลือกหลากหลาย ส่วนผสมหลักๆของแกงกะหรี่ ก็จะมีเครื่องเทศต่างๆ ผลไม้ โยเกิร์ต เนื้อสัตว์ มันฝรั่ง และอื่นๆอีกมากมายตามแต่สูตรใครสูตรมัน เวลาทานจะทานคู่กับข้าวสวย โรตี หรือ นาน ก็ได้
นอกจากความอร่อยแล้ว แกงกะหรี่ยังมีประโยชน์มากมายอีกด้วย จากการวิจัยของมหาวิทยาลัยดุค ในนอร์ธ แคโรไลน่า สหรัฐอเมริกา โดยเชื่อว่าสารเคอร์คูมินที่อยู่ในขมิ้น ซึ่งเป็นเครื่องเทศที่อยู่ในส่วนผสมหลักของแกงกะหรี่นั้น มีบทบาทสำคัญในการป้องกันการแพร่กระจายของหินปูนโปรตีนที่ชื่อแอมมิลอยด์ ในสมองที่เชื่อว่าเป็นสาเหตุของความจำเสื่อม และทางสมาคมโรคอัลไซเมอร์แห่งสหรัฐอเมริกา ออกมาสนับสนุนผลทางการวิจัยนี้ โดยชี้ว่าชุมชนชาวอินเดียที่รับประทานแกงกะหรี่อย่างสม่ำเสมอ มีอัตราการเกิดของโรคความจำเสื่อมน้อยอย่างน่าประหลาดใจ
นอกจากนั้น ก็ยังมีงานวิจัยจากศูนย์ เอ็ม ดี แอนเดอร์สัน มหาวิทยาลัยเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ว่าสารเคอร์คิวมินตัวเดียวกันนี้ยังสามารถช่วยหยุดยั้งมะเร็งเต้านมไม่ให้ลุกลามไปที่อื่นได้ โดยสถาบันได้ทดลองกับหนูที่เป็นมะเร็งเต้านม พบว่าหนูที่ได้รับสารเคอร์คิวมินเพียงอย่างเดียว สามารถทำให้ก้อนเนื้อเล็กลงเรื่อยๆได้อีกด้วย
ทราบถึงประโยชน์แล้วก็ควรจะรู้ด้วยว่า แกงกะหรี่สไตล์ญี่ปุ่นแต่ละจานนั้น พลังงานไม่ใช่เล่นๆเลยทีเดียว ผลพวงก็มาจาก Topping ของทอกทั้งหลายทั้งมวล มาเช็คกันค่ะว่าแต่ละจานให้พลังงานเท่าไหร่
ปริมาณข้าวต่อ 1 จาน 300 กรัม | |
เมนู | พลังงาน |
ข้าวแกงกะหรี่หมูชุบเกร็ดขนมปังทอด | 1,097 kcal |
ข้าวแกงกะหรี่ไก่กรอบ | 1,028 kcal |
ข้าวแกงกะหรี่ ชาบูเนื้อหมู | 1,025 kcal |
ข้าวแกงกะหรี่ใส้กรอก | 1,004 kcal |
ข้าวแกงกะหรี่ชาบูเนื้อวัว | 880 kcal |
ข้าวแกงกะหรี่ผักรวม | 826 kcal |
รู้อย่างนี้แล้วการสั่งครั้งต่อไปลองลดข้าวหรือเลือกลด Topping ที่ให้พลังงานสูงๆดูนะคะ หรือไม่งั้นก็ออกกำลังกาย เพราะทานไม่เกินที่ร่างกายใช้ยังไงก็ไม่อ้วนค่ะ
Credit: COCO-ichibanya Japan, oknation.net