ช่วงนี้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงกันแล้ว ถึงแม้บ้านเราจะไม่ค่อยได้เห็นใบไม้ร่วมากนัก แต่หลายๆที่ก็ยึดทีมนี้มาเป็นสีสันกัน และแน่นอนเทศกาลนึงที่เป็นที่รู้จักคุ้นเคยในหมู่คนจีน และคนไทยเชื้อสายจีนที่มากับฤดูใบไม้ร่วงนี้ก็คือ “เทศกาลไหว้พระจันทร์” นั้นเอง
เทศกาลไหว้พระจันทร์คืออะไร
เทศกาลไหว้พระจันทร์ หรือ เทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วง เป็นเทศกาลตามวัฒนธรรมของจีนที่จะมีขึ้นในช่วงฤดูใบไหม้ร่วง เพื่อเฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยวพืชผล มักตรงกับวันเพ็ญเดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติ (ประมาณเดือนกันยายนตามปฏิทินสากล)ของทุกปี
ในประเทศที่มีคนเชื้อสายจีนอย่าง จีน, ฮ่องกง, ไต้หวัน, สิงคโปร์ หรือเวียดนาม หรือแม้แต่ประเทศไทย จะมีการจัดประเพณีนี้ด้วยการจัดประดับตกแต่งโคมไฟหลากสีในยามค่ำคืน และมีการเซ่นไหว้เทพเจ้า และรำลึกถึงเทพธิดาดวงจันทร์ ด้วยขนมเค้กใส่ไส้ธัญพืช หรือขนมไหว้พระจันทร์ จนเป็นเอกลักษณ์สำหรับเทศกาลนี้ไปเลยก็ว่าได้
ขนมไหว้พระจันทร์ ขนมยอดนิยมประจำเทศกาล
ขนมไหว้พระจันทร์ ที่ใช้เซ่นไหว้เทพเจ้าในเทศกาลนี้จะ มีตัวขนมเค้กใส่ไส้ ธัญพืช หรือเรียกว่า “ขนมเอี้ยปิ่ง” ในภาษาจีน ซึ่งมีความหมาย หมายถึง ความพรั่งพร้อม สมบูรณ์ และความสมหวัง นอกจากนี้ยังมี ขนมถั่วเหลือง(ขนมโก๋อ่อน) ขนมโก๋ขาว โดยขนมทั้งหมดจะมีทรงเป็นทรงกลมที่เป็นสัญลักษณ์ของรูปดวงจันทร์
สำหรับขนมไหว้พระจันทร์ในปัจจุบัน ถือว่าเป็นขนมที่ได้รับความนิยมและขาดไม่ได้ในเทศกาล ผู้ประกอบการร้านค้าต่างๆ จึงพากันออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในรูปแบบของตัวเองที่มีความหลากหลาย ทั้งวัตถุดิบและไส้ต่างๆ มีทั้งเป็นแบบดัดแปลง เป็นไอศครีมเย็นๆ หรือเป็นแบบเนื้อนุ่มแบบไดฟูกุ(ขนมญี่ปุ่น) และแบบดั้งเดิมที่ทำจากแป้งลักษณะคล้ายขนมเปี๊ยะใส่ไส้ธัญพืช ตกแต่งลวดลายสวยงาม
พลังงานในขนมไหว้พระจันทร์
ซึ่งขนมไหว้พระจันทร์ถือว่าเป็นขนมที่มีปริมาณพลังงานต่อชิ้นสูง จากข้อมูลที่ ดร.นพ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมอนามัยได้ให้ไว้ ขนมไหว้พระจันทร์แบบดั้งเดิมที่เป็นไส้ธัญพืช ภายในมีไข่แดงของไข่เค็มอยู่ จะให้พลังงานต่อชิ้นเฉลี่ยสูงถึง 614-722 kcal เลยทีเดียว โดยพลังงานจะมากหรือน้อยแตกต่างกันไปตามไส้ต่างๆดังนี้
พลังงานต่อขนมไหว้พระจันทร์ 1 ชิ้น | |
ไส้หมอนทอง | 640 kcal |
ไส้โหงวยิ้ง | 722 kcal |
ไส้พุทรา | 577 kcal |
ไส้เมล็ดบัว | 646 kcal |
ไส้เมล็ดบัวและไข่เค็ม | 677 kcal |
ไส้ทุเรียนและไข่เค็ม | 673 kcal |
พลังงานที่มีอยู่ในขนมไหว้พระจันทร์ส่วนมากจะมาจาก แป้ง น้ำตาล และ ไขมัน ซึ่งหากต้องการรับประทานควรแบ่งทาน ตัดเป็นชิ้นเล็กๆ ทานหลายๆครั้ง หรือแบ่งทานหลายๆคน กำหนดปริมาณที่พอเหมาะพอดี และ อย่าลืมไปออกกำลังกายเพื่อให้เกิดสมดุลกับการใช้พลังงานจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
เรียบเรียง: lovefitt.com
Credit:wikipedia.org,ดร.นพ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมอนามัย